วันอังคารที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2551

โครงการสอน ภาคเรียนที่๒/๒๕๕๑ วิชาความแข็งแรงตัวเรือ

วิทยาลัยเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมการต่อเรือนครศรีธรรมราช
สถาบันการอาชีวศึกษาภาคใต้ ๔


รหัสวิชา …3117-2002...
ชื่อวิชาภาษาอังกฤษ …Strength Of Ships…
ชื่อวิชาภาษาไทย …ความแข็งแรงตัวเรือ...
จำนวนหน่วยกิต …3...(…3...ชม. )…
อาจารย์ผู้สอน …นายวิระวุฒิ ลำโป...
ตำราที่ใช้ …หนังสือความแข็งแรงตัวเรือ (ผู้แต่ง พลฯเรือตรีวิเชียร ปิ่นกุลบุตร)…
วิธีการสอน …บรรยาย , อธิบาย…
การวัดและประเมินผลการเรียน
-คะแนนประเมินผลทุกสัปดาห์ 80%
-คะแนนคุณธรรม 20%

แนวทางการตัดเกรด …อิงเกณฑ์…

คำอธิบายรายวิชา (หลักสูตร ปวช. / ปวส. ช่างอุตสาหกรรม 2546 )

ศึกษาเกี่ยวกับแรงต่างๆ ที่มากระทำต่อโครงสร้างเรือ การตอบสนองของโครงสร้างเรือ ต่อแรงที่กระทำ คำนวณความแข็งแรงทางยาวของเรือ ความเค้นเฉือนของโครงสร้างเรือ ความเค้นหลักในโครงสร้างเรือ

จุดประสงค์รายวิชา

1. เพื่อให้มีความเข้าใจหลักการรับแรงของตัวเรือ ชนิดลักษณะของแรงที่กระทำต่อตัวเรือ
2. เพื่อให้สามารถคำนวณหาความแข็งแรงและความเค้นบนส่วนต่างๆ ของตัวเรือ
3. เพื่อให้มีกิจนิสัยตระหนักถึงความรอบคอบในการทำงาน

มาตรฐานรายวิชา

1. เข้าใจหลักการรับแรงของตัวเรือ ชนิดลักษณะของแรงที่กระทำต่อตัวเรือ
2. คำนวณหาความแข็งแรงทางยาวของเรือ
3. คำนวณหาความเค้นเฉือน และความเค้นหลักโครงสร้างเรือ

หัวเรื่องและเวลาที่ใช้สอน
หน่วยที่ 1 ชนิดลักษณะของแรงที่มากระทำกับโครงสร้างเรือ 3 คาบ
หน่วยที่ 2 การตอบสนองของโครงสร้างเรือต่อแรงที่กระทำ 3 คาบ
หน่วยที่ 3 หลักการรับแรงของเรือ 3 คาบ
หน่วยที่ 4 คำนวณหาความแข็งแรงทางยาวของเรือ 6 คาบ
หน่วยที่ 5 คำนวณหาความเค้นบนส่วนต่าง ๆ ของตัวเรือ 6 คาบ
หน่วยที่ 6 หลักการคำนวณหาค่าและสัมประสิทธิ์ในงานต่อเรือ 6 คาบ
หน่วยที่ 7 สัมประสิทธิ์ต่าง ๆ ตำแหน่งและจุดศูนย์ถ่วง 6 คาบ
หน่วยที่ 8 คำนวณหาค่าต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการทรงตัวของเรือ 6 คาบ
หน่วยที่ 9 คำนวณหาพื้นที่แนวน้ำปริมาณขับน้ำ 3 คาบ
หน่วยที่ 10 คำนวณหาระวางขับน้ำของเรือ 3 คาบ
หน่วยที่ 11 คำนวณหาความเค้นเฉือนโครงสร้างของเรือ 3 คาบ
หน่วยที่ 12 คำนวณหาความเค้นหลักในโครงสร้างเรือ 6 คาบ

กิจกรรมการเรียนการสอน
1. การบรรยาย
2. การอธิบาย
3. กิจกรรมกลุ่ม
4. ศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองและการทำรายงาน

สื่อการเรียนการสอน
1. หนังสือความแข็งแรงตัวเรือ (ผู้แต่ง พลฯเรือตรีวิเชียร ปิ่นกุลบุตร)
2. เอกสารประกอบการเรียน

ศึกษาค้นคว้าทางอินเตอร์เน็ต : เว็ปไซด์เกี่ยวกับการคำนวณหาความแข็งแรงตัวเรือ ,โครงสร้างเรือ

กำหนดการสอน วิชา ความแข็งแรงตัวเรือ รหัสวิชา 3117-2002

ชื่อหน่วย/หัวข้อ
๑.ชนิดลักษณะของแรงที่มากระทำกับโครงสร้างเรือ
๒.การตอบสนองของโครงสร้างเรือต่อแรงที่กระทำ
๓.หลักการรับแรงของเรือ
๔.คำนวณหาความแข็งแรงทางยาวของเรือ
๕.คำนวณหาความเค้นบนส่วนต่าง ๆ ของตัวเรือ
๖.หลักการคำนวณหาค่าและสัมประสิทธิ์ในงานต่อเรือ
๗.สัมประสิทธิ์ต่าง ๆ ตำแหน่งและจุดศูนย์ถ่วง
๘.คำนวณหาค่าต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการทรงตัวของเรือ
๙.คำนวณหาพื้นที่แนวน้ำปริมาณขับน้ำ
๑๐.คำนวณหาระวางขับน้ำของเรือ
๑๑.คำนวณหาความเค้นเฉือนโครงสร้างของเรือ
๑๒.คำนวณหาความเค้นหลักในโครงสร้างเรือ

วันอังคารที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2551

แผนการจัดการการเรียนรู้ วิชาความแข็งแรงของวัสดุ ๓๑๐๐-๐๑๐๗

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1
รหัสวิชา 3100-0107 วิชา ความแข็งแรงของวัสดุ
หน่วยที่ - ชั่วโมงที่ 1-3 ชื่อหน่วย ปฐมนิเทศ

Äแนวคิด
การออกแบบชิ้นส่วนเครื่องจักรกล โครงสร้างของอาคาร โครงสร้างของสะพาน และงานวิศวกรรมต่างๆ จำเป็นต้องศึกษาคุณสมบัติของวัสดุที่นำมาใช้ เพื่อจะได้ทราบว่าชิ้นส่วนต่างๆ ที่เราออกแบบนั้น สามารถรับน้ำหนักได้มากน้อยเพียงใด เพื่อป้องกันมิให้โครงสร้างหรือชิ้นส่วนนั้นแตกหักเสียหายได้ ฉะนั้นในการออกแบบจะต้องคำนวณค่าต่างๆ เช่น ความเค้น ความเครียด ซึ่งจะทำให้ทราบคุณสมบัติของวัสดุ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการใช้งาน

Äสาระการเรียนรู้
1. จุดประสงค์รายวิชา มาตรฐานวิชาและคำอธิบายรายวิชาความแข็งแรงของวัสดุ
2. การวัดและการประเมินผล

Äผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง
1. สามารถอธิบายลักษณะโครงสร้างของวัสดุและบอกเรื่องของแรงได้
2. สามารถอธิบายความจำเป็นของวัสดุที่นำมาใช้งานเพื่อจะได้ทราบว่าชิ้นส่วนต่างๆ ที่เราออกแบบนั้นเหมาะสมกับการใช้งานได้
3. สามารถบอกข้อตกลงในการเรียนการสอนได้อย่างถูกต้อง
4. มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่อาจารย์สามารถสังเกตเห็นได้ ในด้านความมีมนุษยสัมพันธ์ ความมีวินัย ความรับผิดชอบ ความเชื่อมั่นในตนเอง ความสนใจใฝ่รู้ ความรักสามัคคี ความกตัญญูกตเวที

Äกิจกรรมการเรียนการสอน
ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน
1. อาจารย์สนทนากับนักศึกษาเกี่ยวกับความสำคัญของการเรียน วิชาความแข็งแรงของวัสดุ ว่ามีประโยชน์ต่อชีวิตประจำวันอย่างไรบ้าง
2. นักศึกษาแสดงความคิดเห็น

ขั้นสอน
3. อาจารย์อธิบายความสำคัญของการเรียนวิชาความแข็งแรงของวัสดุว่ามีประโยชน์อย่างไร พร้อมทั้งยกตัวอย่างประกอบและให้นักศึกษาจดบันทึกการสรุป
4. นักศึกษารับฟังคำชี้แจงรายวิชาความแข็งแรงของวัสดุการวัดและการประเมินผล โดยการซักถามข้อสงสัยและปัญหา รวมทั้งแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการเรียนวิชานี้ว่ามีความสำคัญต่อชีวิตประจำวันอย่างไร
5. นักศึกษาทำแบบประเมินผลก่อนเรียน 40 ข้อเป็นการวัดความรู้พื้นฐาน

ขั้นสรุปและการประยุกต์
6. อาจารย์และนักศึกษาร่วมกันสรุปเนื้อหาที่เรียนมาพร้อมยกตัวอย่างประกอบ
7. นักศึกษาสลับกันตรวจแบบประเมินผล ด้วยตนเองเพื่อทดสอบความซื่อสัตย์ โดยให้อาจารย์เฉลยบนกระดาน แล้วนำส่งอาจารย์

Äสื่อการเรียนการสอน
หนังสือเรียนวิชา ความแข็งแรงของวัสดุ (3100-0107) ของสำนักพิมพ์เอมพันธ์

Äการวัดและการประเมินผล
วิธีวัดผล
1. สังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล
2. ตรวจแบบประเมินผลก่อนเรียน/หลังเรียน
3. การสังเกตและประเมินผลพฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์

เครื่องมือวัดผล
1. แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล (ภาคผนวก ข)
2. แบบประเมินผลก่อนเรียน/หลังเรียน 40 ข้อ
3. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยอาจารย์และนักศึกษาร่วมกันประเมิน (ภาคผนวก จ)

เกณฑ์การประเมินผล
1. แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล เกณฑ์ผ่าน ต้องไม่มีช่องปรับปรุง
2. แบบประเมินผลการเรียนรู้ก่อนเรียน/หลังเรียน ไม่มีเกณฑ์ผ่าน อาจารย์จะเก็บคะแนนไว้เปรียบเทียบกับคะแนนที่ได้จากการทดสอบหลังจากเรียนจบในปลายภาค
3. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนขึ้นอยู่กับการประเมินตามสภาพจริง

Äบันทึกหลังการสอน
(ภาคผนวก ฌ และ ญ)
แบบประเมินผลก่อนเรียน/หลังเรียน

จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุด
1. SI Units ประกอบด้วยหน่วยรากฐานกี่หน่วย
ก 3 ข. 4 ค. 5 ง. 7
2. หน่วยพื้นที่ วัดเป็นหน่วยใด
ก. m2 ข. m3 ค. m/s ง. m/s2
3. หน่วยปริมาณ วัดเป็นหน่วยใด
ก. m2 ข. m3 ค. m/s ง. m/s2
4. หน่วยของความเร็ว วัดเป็นหน่วยใด
ก. m2 ข. m3 ค. m/s ง. m/s2
5. ความเร่ง วัดเป็นหน่วยใด
ก. m2 ข. m3 ค. m/s ง. m/s2
6. หน่วยของโมเมนต์ วัดเป็นหน่วยใด
ก. Nm ข. N/m2 ค. m4 ง. Kgm/s2
7. หน่วยของความเค้น วัดเป็นหน่วยใด
ก. Nm ข. N/m2 ค. m4 ง. Kgm/s2
8. Moment of inertia วัดเป็นหน่วยใด
ก. Nm ข. N/m2 ค. m4 ง. Kgm/s2
9. Second moment of area วัดเป็นอะไร
ก. m2 ข. m4 ค. m3 ง. M
10. Stress แบ่งออกเป็นกี่ชนิด
ก. 1 ข. 2 ค. 3 ง. 4
11. ในการออกแบบโครงสร้างชิ้นส่วนของเครื่องมือกล จะต้องพิจารณาอะไรบ้าง
ก. ความแข็งของชิ้นส่วน ข. แรงที่มากระทำต่อชิ้นส่วน
ค. ถูกทั้ง ก และ ข. ง. ผิดทุกข้อ
12. โมเมนต์ตัม วัดเป็นหน่วยใด
ก. Nm ข. N/m2 ค. m4 ง. Kgm/s2
13. ความเค้นเฉือนแบ่งออกเป็นกี่ชนิด
ก. 2 ชนิด ข. 3 ชนิด ค. 4 ชนิด ง. 5 ชนิด
14. เพราะเหตุใดต้องมีการคำนวณค่าความแข็งแรงของวัสดุ
ก. เพื่อจะได้ทราบว่าวัสดุที่นำมาใช้รับแรงได้เท่าไร
ข. เพื่อป้องกันไม่ให้โครงสร้างของชิ้นส่วนต่างๆ เกิดการเสียหาย
ค. ถูกทั้ง ก และ ข ง. ผิดทุกข้อที่กล่าวมา
15. จากรูป นักศึกษาคิดว่าเป็นความเค้นแบบใด

ก. ความเค้นเฉือน ข. ความเค้นดึง ค. ความเค้นอัด ง. ถูกทุกข้อ
16. จากรูป นักศึกษาคิดว่าเป็นความเค้นแบบใด
ก. ความเค้นเฉือน ข. ความเค้นดึง ค. ความเค้นอัด ง. ถูกทุกข้อ

17. จากรูป นักศึกษาคิดว่าเป็นความเค้นแบบใด
ก. ความเค้นเฉือน ข. ความเค้นดึง ค. ความเค้นอัด ง. ถูกทุกข้อ
18. ในลวดขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1.5 mm แขวนวัตถุมวล 60 kg จงหา Stress ในเส้นลวด
ก. 223.2 MN/m2 ข. 123.1 MN/m2 ค. 303.5 MN/m2 ง. 333.5 MN/m2
19. ลวดยาว 1 m อยู่ภายใต้แรงดึงทำให้ยืดออก 2.5 mm จงหา Strain
ก 0.0025 ข. 0.0035 ค. 0.0045 ง. ผิดทุกข้อที่กล่าวมา
20. จงหาส่วนที่ยืดออกของเหล็กเส้น ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 11.28 mm ยาว 200 mm อยู่ภายใต้แรงดึง 10 kN กำหนดให้ E สำหรับเหล็ก = 205 GN/m2
ก. 0.0875 mm ข. 0.075 mm ค. 0.065 mm ง. 0.0974 mm
21. เสาคอนกรีตขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 250 mm แรง 10 kN จงหาความเค้นในคอนกรีต
ก. 0.204 MN/m2 ข. 0.240 MN/m2 ค. 0.30 MN/m2 ง. ผิดทุกข้อที่กล่าวมา
22. จงหาขนาดเหล็กกลม เพื่อที่จะรับแรงดึง 90 kN โดยที่ Stress ไม่เกิน 100 MN/m2
ก. 32. 01 mm ข. 35.82 mm ค. 45.21 mm ง. 33.85 mm
23. จงหาแรงดึงในการดึงท่อนโลหะกลม ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 40 mm ถ้า Stress ห้ามเกิน 120 MN/m2
ก. 150.8 kN ข. 120 kN ค. 100 kN ง. 180 kN
24. จงหาขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของเหล็กเส้น เพื่อรับแรง 8 kN ถ้าส่วนที่ยืดออกห้ามเกิน 0.04% กำหนดให้
E = 210 GN/m2
ก. 10 mm ข. 11 mm ค. 12 mm ง. 13 mm
25. แขวนก้อนโลหะที่ปลายเส้นลวดเหล็กขนาด เส้นผ่าศูนย์กลาง 2.5 mm ยาว 5 m เส้นลวดยืดออก 3 mm
จงหามวลของก้อนโลหะ ถ้า E = 200 GN/m2
ก. 60 kg ข. 70 kg ค. 80 kg ง. 90 kg
26. ในการออกแบบโครงสร้างต่างๆ ควรจะต้องคำนวณหาค่าอะไร
ก. ความเค้น ข. ความเครียด ค. ถูกทั้ง ก และ ข ง. ผิดทุกข้อที่กล่าวมา
27. เสาเหล็กยาว 1.3 มีพื้นที่หน้าตัด 2,000 mm 2 รับแรง 80 kN ถ้า E= 180 GN/m2 จะหดตัวเท่าใด
ก. 0.289 mm ข. 0. 28 mm ค. 0.29 mm ง. 0.30 mm
28. ความดัน คืออะไร
ก. แรงที่มากระทำกับพื้นที่หนึ่งหน่วย ข. แรงที่ไม่กระทำต่อพื้นที่หนึ่งหน่วย
ค. ถูกทั้ง ก และ ข ง. ผิดทุกข้อ
29. ความเค้นเฉือนเกิดจากแรงอะไร
ก. เกิดจากแรงดึงที่พยายามทำให้วัตถุยืดออก
ข. เกิดจากแรงกดอัดวัตถุทำให้วัตถุหดตัว
ค. เกิดจากแรงกระทำกับวัตถุในแนวขนานกับพื้นที่ที่ถูกเฉือน
ง. ถูกทุกข้อ
30. ความเค้นอัดเกิดจากแรงอะไร
ก. เกิดจากแรงดึงที่พยายามทำให้วัตถุยืดออก
ข. เกิดจากแรงกดอัดวัตถุทำให้วัตถุหดตัว
ค. เกิดจากแรงกระทำกับวัตถุในแนวขนานกับพื้นที่ที่ถูกเฉือน
ง. ถูกทุกข้อ
31. ความเค้นดึงเกิดจากแรงอะไร
ก. เกิดจากแรงดึงที่พยายามทำให้วัตถุยืดออก
ข. เกิดจากแรงกดอัดวัตถุทำให้วัตถุหดตัว
ค. เกิดจากแรงกระทำกับวัตถุในแนวขนานกับพื้นที่ที่ถูกเฉือน
ง. ถูกทุกข้อ
32. ความเครียดแบ่งออกเป็นกี่ชนิด
ก. 3 ชนิด ข. 4 ชนิด ค. 5 ชนิด ง. 6 ชนิด
33. อุณหภูมิดันในหน่วยวัดพื้นฐานของระบบ (SI-Unit) มีหน่วยเป็นอะไร
ก. แอมแปร์ ข. แคนเดลา ค. วัตต์ ง. เคลวิน
34. พลังงานในหน่วยวัดพื้นฐานของระบบ (SI-Unit) มีหน่วยเป็นอะไร
ก. แอมแปร์ ข. แคนเดลา ค. วัตต์ ง. จูล
35. ความเค้นเฉือนสามารถแบ่งออกได้เป็นกี่ชนิด
ก. 1 ชนิด ข. 2 ชนิด ค. 3 ชนิด ง. 4 ชนิด
36. ความยาวในหน่วยวัดพื้นฐานของระบบ (SI-Unit) มีหน่วยเป็นอะไร
ก. เมตร ข. กิโลกรัม ค. วินาที ง. โมล
37. มวลในหน่วยวัดพื้นฐานของระบบ (SI-Unit) มีหน่วยเป็นอะไร
ก. เมตร ข. กิโลกรัม ค. วินาที ง. โมล
38. เวลาในหน่วยวัดพื้นฐานของระบบ (SI-Unit) มีหน่วยเป็นอะไร
ก. เมตร ข. กิโลกรัม ค. วินาที ง. โมล
39. กระแสไฟฟ้าในหน่วยวัดพื้นฐานของระบบ (SI-Unit) มีหน่วยเป็นอะไร
ก. แอมแปร์ ข. แคนเดลา ค. วัตต์ ง. จูล
40. กำลังงานในหน่วยวัดพื้นฐานของระบบ (SI-Unit) มีหน่วยเป็นอะไร
ก. แอมแปร์ ข. แคนเดลา ค. วัตต์ ง. จูล

เฉลยแบบประเมินผลก่อนเรียน/หลังเรียน
?????????????????????????????????????????????????????????????????????????????????????
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2
รหัสวิชา 3100-0107 วิชา ความแข็งแรงของวัสดุ
หน่วยที่ 1 ชั่วโมงที่ 4-6 ชื่อหน่วย ความเค้น (Stress)
Äแนวคิด
การออกแบบชิ้นส่วนเครื่องจักรกล โครงสร้างของอาคาร โครงสร้างของสะพาน และงาน วิศวกรรมต่างๆ จำเป็นต้องศึกษาคุณสมบัติของวัสดุที่นำมาใช้ เพื่อจะได้ทราบว่าชิ้นส่วนต่างๆ ที่ เราออกแบบนั้น สามารถรับน้ำหนักได้มากน้อยเพียงใด เพื่อป้องกันมิให้โครงสร้างหรือชิ้นส่วนนั้น แตกหักเสียหายได้ ฉะนั้นในการออกแบบจะต้องคำนวณค่าต่างๆ เช่น ความเค้น ความเครียด ซึ่งจะทำให้ทราบคุณสมบัติของวัสดุนั้นๆ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการใช้งาน
เมื่อมีแรงกระทำวัตถุใดๆ ภายในเนื้อวัตถุจะเกิดแรงต้านต่อแรงกระทำนั้นต่อหนึ่งหน่วยพื้นที่ โดยที่แรงกระทำนั้นอยู่ในแนวตั้งฉากหรือขนานกับพื้นที่ที่รับแรงกระทำ เรียกว่า ความเค้น

Äสาระการเรียนรู้
1. ความเค้นดึง
2. ความเค้นอัด
3. ความเค้นเฉือน

Äผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง
1. อธิบายความหมายของความเค้นแบบต่างๆ ได้
2. คำนวณหาความเค้นแบบต่างๆ ได้
3. มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่อาจารย์สามารถสังเกตเห็นได้ ในด้านความมีมนุษยสัมพันธ์ ความมีวินัย ความรับผิดชอบ ความเชื่อมั่นในตนเอง ความสนใจใฝ่รู้ ความรักสามัคคี ความกตัญญูกตเวที

Äกิจกรรมการเรียนการสอน
ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน
1. อาจารย์สนทนาเรื่องความหมายของโครงสร้างของวัสดุที่มีความเค้นแบบต่างๆ มาเกี่ยวข้องและบอกถึงคุณสมบัติของวัสดุที่จะนำมาใช้ในงานโครงสร้าง

ขั้นสอน
2. อาจารย์อธิบายลักษณะของความเค้นแบบต่างๆ เช่น ความเค้นดึง ความเค้นอัด และความเค้นเฉือน
3. อาจารย์อธิบายเรื่องหน่วยต่างๆ ที่จะนำมาใช้ในการคำนวณพร้อมยกตัวอย่างประกอบการเรียนการสอนให้นักศึกษาฟังและทำการแปลงหน่วยให้นักศึกษาดูบนกระดาน
4. นักศึกษาออกมาทำแบบทดสอบการแปลงหน่วยหน้าชั้นเรียนเพื่อเป็นการแสดงความเข้าใจในการแปลงหน่วยที่อาจารย์ได้ทำการสอน
5. อาจารย์สอนวิธีการคำนวณความเค้นดึง ความเค้นอัด และความเค้นเฉือน พร้อมทั้งยกตัวอย่างประกอบและทำการสอบถามทบทวนความเข้าใจของนักศึกษาทีละคนโดยการสุ่มตัวอย่าง
6. อาจารย์ให้นักศึกษาแบ่งกลุ่ม จากนั้นให้นักศึกษาออกมาทำแบบฝึกหัดหน้าชั้นเรียนทีละกลุ่มและทำการเฉลยเมื่อนักศึกษาทำเสร็จแล้ว

ขั้นสรุปและการประยุกต์
7. อาจารย์และนักศึกษาร่วมกันสรุปเนื้อหาที่เรียนมาพร้อมยกตัวอย่างประกอบการสรุป
8. ทำแบบประเมินผลการเรียนรู้หน่วยที่ 1

Äสื่อการเรียนการสอน
หนังสือเรียนวิชา ความแข็งแรงของวัสดุ (3100-0107) ของสำนักพิมพ์เอมพันธ์

Äการวัดและการประเมินผล
วิธีวัดผล
1. สังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล
2. ตรวจแบบประเมินผลการเรียนรู้หน่วยที่ 1
3. การสังเกตและประเมินผลพฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์

เครื่องมือวัดผล
1. แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล (ภาคผนวก ข)
2. แบบประเมินผลการเรียนรู้หน่วยที่ 1
3. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยอาจารย์และนักศึกษาร่วมกันประเมิน (ภาคผนวก จ)

เกณฑ์การประเมินผล
1. แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล เกณฑ์ผ่าน ต้องไม่มีช่องปรับปรุง
2. แบบประเมินผลการเรียนรู้หน่วยที่ 1 ทำถูกต้อง 50% ขึ้นไป
3. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนขึ้นอยู่กับการประเมินตามสภาพจริง

Äบันทึกหลังการสอน
(ภาคผนวก ฌ และ ญ)
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3
รหัสวิชา 3100-0107 วิชา ความแข็งแรงของวัสดุ
หน่วยที่ 2 ชั่วโมงที่ 7-9 ชื่อหน่วย ความเครียด (Strain)

Äแนวคิด
วัตถุเมื่ออยู่ภายใต้แรงดึง แรงอัด หรือแรงเฉือน จะทำให้วัตถุเกิดการเปลี่ยนแปลงขนาด ขนาดที่เปลี่ยนแปลงไปต่อขนาดเดิม เรียกว่า “ความเครียด”

Äสาระการเรียนรู้
1. ความเครียดดึง
2. ความเครียดอัด
3. ความเครียดเฉือน

Äผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง
1. อธิบายความหมายของความเครียดดึง ความเครียดอัดและความเครียดเฉือนได้
2. บอกกฎของ Hooke ได้
3. คำนวณหาความเครียดดึง ความเครียดอัดและความเครียดเฉือนได้
4. คำนวณหาระยะยืด หรือหดของวัสดุได้
5. มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่อาจารย์สามารถสังเกตเห็นได้ ในด้านความมีมนุษยสัมพันธ์ ความมีวินัย ความรับผิดชอบ ความเชื่อมั่นในตนเอง ความสนใจใฝ่รู้ ความรักสามัคคี ความกตัญญูกตเวที

Äกิจกรรมการเรียนการสอน
ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน
1. อาจารย์สนทนาความหมายของความเครียดแบบต่างๆ กับนักศึกษาพร้อมทั้งยกตัวอย่างประกอบการสนทนา

ขั้นสอน
2. อาจารย์อธิบายความหมายของความเครียดที่มีบทบาทสำคัญต่อวัสดุให้นักศึกษาฟัง
3. อาจารย์เปิดโอกาสให้นักศึกษาทำการซักถามข้อสงสัยในเนื้อหาที่ทำการสอน
4. อาจารย์อธิบายที่มาของสูตรและวิธีการคำนวณหาความเครียด เช่น ความเครียดแรงดึง ความเครียดแรงอัด ความเครียดแรงเฉือน พร้อมทั้งอธิบายตัวอย่างบนกระดาน
5. นักศึกษาพิจารณาการออกแบบ โดยอาจารย์อธิบายวิธีการออกแบบโครงสร้างแบบต่างๆ และทำการคำนวณหาโครงสร้างของอาคาร สะพาน และส่วนประกอบของเครื่องจักรกลต่างๆ
6. นักศึกษาอธิบายตัวอย่างการคำนวณหน้าชั้นเรียนโดยอาจารย์สุ่มตัวอย่างนักศึกษาในชั้นเรียน
7. อาจารย์สรุปหลักการคำนวณ

ขั้นสรุปและการประยุกต์
8. อาจารย์และนักศึกษาร่วมกันสรุปเนื้อหาของบทเรียนและเปิดโอกาสให้นักศึกษาซักถามถ้ามีข้อสงสัยในเรื่องใด
9. ทำแบบประเมินผลการเรียนรู้หน่วยที่ 2

Äสื่อการเรียนการสอน
หนังสือเรียนวิชา ความแข็งแรงของวัสดุ (3100-0107) ของสำนักพิมพ์เอมพันธ์

Äการวัดและการประเมินผล
วิธีวัดผล
1. สังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล
2. ตรวจแบบประเมินผลการเรียนรู้หน่วยที่ 2
3. การสังเกตและประเมินผลพฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์

เครื่องมือวัดผล
1. แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล (ภาคผนวก ข)
2. แบบประเมินผลการเรียนรู้หน่วยที่ 2
3. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยอาจารย์และนักศึกษาร่วมกันประเมิน (ภาคผนวก จ)

เกณฑ์การประเมินผล
1. แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล เกณฑ์ผ่าน ต้องไม่มีช่องปรับปรุง
2. แบบประเมินผลการเรียนรู้หน่วยที่ 2 ทำถูกต้อง 50% ขึ้นไป
3. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนขึ้นอยู่กับการประเมินตามสภาพจริง

Äบันทึกหลังการสอน
(ภาคผนวก ฌ และ ญ)
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4
รหัสวิชา 3100-0107 วิชา ความแข็งแรงของวัสดุ
หน่วยที่ 2 ชั่วโมงที่ 10-12 ชื่อหน่วย ความเครียด (Strain)

Äแนวคิด
วัตถุเมื่ออยู่ภายใต้แรงดึง แรงอัด หรือแรงเฉือน จะทำให้วัตถุเกิดการเปลี่ยนแปลงขนาด ขนาดที่เปลี่ยนแปลงไปต่อขนาดเดิม เรียกว่า “ความเครียด”

Äสาระการเรียนรู้
4. ความสัมพันธ์ระหว่างความเค้นและความเครียด
5. กฎสภาพยืดหยุ่นของฮุก
6. ความเค้นที่ใช้ออกแบบ

Äผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง
5. สามารถอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างความเค้นและความเครียดได้อย่างถูกต้อง
6. สามารถบอกกฎสภาพยืดหยุ่นของฮุกได้
7. สามารถคำนวณหาความเค้นที่ใช้ในการออกแบบได้
8. มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่อาจารย์สามารถสังเกตเห็นได้ ในด้านความมีมนุษยสัมพันธ์ ความมีวินัย ความรับผิดชอบ ความเชื่อมั่นในตนเอง ความสนใจใฝ่รู้ ความรักสามัคคี ความกตัญญูกตเวที

Äกิจกรรมการเรียนการสอน
ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน
1. อาจารย์ทบทวนความรู้เดิมที่เรียนมา เกี่ยวกับความเครียดแบบต่างๆ ว่ามีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง เพื่อจะได้ทำการสอนหัวข้อต่อไป

ขั้นสอน
2. อาจารย์สอนต่อจากครั้งที่แล้วเรื่องความเครียด ความสัมพันธ์ระหว่างความเค้น และความเครียด กฎสภาพยืดหยุ่นของฮุก ความเครียดที่ใช้ออกแบบ
3. อาจารย์เปิดโอกาสให้นักศึกษาทำการซักถามข้อสงสัยในการเรียนการสอน
4. ให้นักศึกษาแสดงความคิดเห็นเรื่องของความเครียดที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างความเค้นว่ามีความสัมพันธ์กันอย่างไรบ้าง
5. อาจารย์ทำการถามตอบกับนักศึกษาเพื่อจะได้ทำความเข้าใจในเนื้อหาการเรียนการสอน
6. อาจารย์อธิบายวิธีการคำนวณพร้อมทั้งยกตัวอย่างประกอบ
7. นักศึกษาออกมาแสดงความคิดเห็นหน้าชั้นเรียนโดยการทำแบบฝึกหัดเป็นกลุ่มและส่งตัวแทนออกมาทำหน้าชั้นเรียน
8. อาจารย์เฉลยแบบฝึกหัดหน้าห้อง

ขั้นสรุปและการประยุกต์
9. อาจารย์และนักศึกษาร่วมกันสรุปเนื้อหาของบทเรียนและเปิดโอกาสให้นักศึกษาซักถามถ้ามีข้อสงสัยในเรื่องใด
10. นักศึกษาทำแบบประเมินผลการเรียนรู้ หน่วยที่ 2

Äสื่อการเรียนการสอน
หนังสือเรียนวิชา ความแข็งแรงของวัสดุ (3100-0107) ของสำนักพิมพ์เอมพันธ์

Äการวัดและการประเมินผล
วิธีวัดผล
1. สังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล
2. ตรวจแบบประเมินผลการเรียนรู้หน่วยที่ 2
3. การสังเกตและประเมินผลพฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์

เครื่องมือวัดผล
1. แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล (ภาคผนวก ข)
2. แบบประเมินผลการเรียนรู้หน่วยที่ 2
3. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยอาจารย์และนักศึกษาร่วมกันประเมิน (ภาคผนวก จ)

เกณฑ์การประเมินผล
1. แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล เกณฑ์ผ่าน ต้องไม่มีช่องปรับปรุง
2. แบบประเมินผลการเรียนรู้หน่วยที่ 2 ทำถูกต้อง 50% ขึ้นไป
3. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนขึ้นอยู่กับการประเมินตามสภาพจริง

Äบันทึกหลังการสอน
(ภาคผนวก ฌ และ ญ)
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 5
รหัสวิชา 3100-0107 วิชา ความแข็งแรงของวัสดุ
หน่วยที่ 3 ชั่วโมงที่ 13-15 ชื่อหน่วย ความเค้นที่เกิดขึ้นจากอุณหภูมิ
(Temperature Stress)

Äแนวคิด
เมื่อวัสดุได้รับความร้อนหรือความเย็น จะเกิดการขยายตัวและหดตัวได้ ดังนั้นอัตราการยืดและหดตัวของวัสดุ จะเป็นสัดส่วนโดยตรงกับอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นหรือลดลง นั่นคือ อัตราส่วนของความเครียดต่ออุณหภูมิ จะมีค่าคงที่ ค่าคงที่นี้คือ สัมประสิทธิ์การขยายตัวของวัสดุ

Äสาระการเรียนรู้
การคำนวณหาความเค้นที่เกิดจากอุณหภูมิเปลี่ยนแปลง

Äผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง
1. คำนวณหาค่าความเค้น และค่าอื่นๆ ที่เกิดจากอุณหภูมิเปลี่ยนแปลงได้
2. มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่อาจารย์สามารถสังเกตเห็นได้ ในด้านความมีมนุษยสัมพันธ์ ความมีวินัย ความรับผิดชอบ ความเชื่อมั่นในตนเอง ความสนใจใฝ่รู้ ความรักสามัคคี ความกตัญญูกตเวที

Äกิจกรรมการเรียนการสอน
ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน
1. อาจารย์สนทนากับนักศึกษาเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของความเค้นที่เกิดจากอุณหภูมิที่มากระทำต่อวัสดุ
2. อาจารย์ตั้งคำถามเกี่ยวกับความเค้นที่เกิดจากการกระทำของอุณหภูมิ
3. นักศึกษาตอบคำถามของอาจารย์

ขั้นสอน
4. อาจารย์อธิบายเนื้อหาของความเค้นที่เกิดจากอุณหภูมิที่มากระทำต่อวัสดุ
5. อาจารย์ยกตัวอย่างประกอบการอธิบาย
6. นักศึกษาซักถามข้อสงสัยของเนื้อหา
7. อาจารย์อธิบายความหมายของสูตรที่จะนำมาใช้ในการคำนวณ
8. อาจารย์อธิบายวิธีการคำนวณพร้อมทั้งยกตัวอย่างประกอบการคำนวณ
9. อาจารย์ซักถามนักศึกษาเกี่ยวกับเนื้อหาของบทเรียน
10. นักศึกษาออกความคิดเห็นเกี่ยวกับบทเรียนหน้าชั้นเรียนโดยการทำโจทย์ในแบบฝึกหัดหน้าชั้นเรียนโดยการสุ่มจากรายชื่อของนักศึกษา
11. อาจารย์เฉลยโจทย์ที่นักศึกษาทำหน้าชั้นเรียน

ขั้นสรุปและการประยุกต์
12. อาจารย์และนักศึกษาร่วมกันสรุปเนื้อหาของบทเรียนและเปิดโอกาสให้นักศึกษาซักถาม ถ้ามีข้อสงสัยในเรื่องใด
13. ทำแบบประเมินผลการเรียนรู้หน่วยที่ 3

Äสื่อการเรียนการสอน
หนังสือเรียนวิชา ความแข็งแรงของวัสดุ (3100-0107) ของสำนักพิมพ์เอมพันธ์

Äการวัดและการประเมินผล
วิธีวัดผล
1. สังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล
2. ตรวจแบบประเมินผลการเรียนรู้หน่วยที่ 3
3. การสังเกตและประเมินผลพฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์

เครื่องมือวัดผล
1. แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล (ภาคผนวก ข)
2. แบบประเมินผลการเรียนรู้หน่วยที่ 3
3. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยอาจารย์และนักศึกษาร่วมกันประเมิน (ภาคผนวก จ)

เกณฑ์การประเมินผล
1. แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล เกณฑ์ผ่าน ต้องไม่มีช่องปรับปรุง
2. แบบประเมินผลการเรียนรู้หน่วยที่ 3 ทำถูกต้อง 50% ขึ้นไป
3. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนขึ้นอยู่กับการประเมินตามสภาพจริง

Äบันทึกหลังการสอน
(ภาคผนวก ฌ และ ญ)
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 6
รหัสวิชา 3100-0107 วิชา ความแข็งแรงของวัสดุ
หน่วยที่ 4 ชั่วโมงที่ 16-18 ชื่อหน่วย ความเค้นภายในภาชนะอัด
ความดัน (Pressure Vessels)

Äแนวคิด
เมื่อภาชนะอยู่ภายใต้ความดันภายใน เช่น ท่อรูปทรงกระบอกบางที่ทำด้วยแผ่นโลหะ ซึ่งมีความหนาน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับเส้นผ่าศูนย์กลาง นำมาบรรจุแก๊สหรือของเหลวที่มีความดันเกิดขึ้นภายใน จะทำให้เกิดความเค้นขึ้นสองทิศทาง คือ ความเค้นตามแนวเส้นรอบวง และความเค้นตามแนวยาวของรูปทรงกระบอก แรงที่เกิดขึ้นจากความดันภายในกระบอก จะเท่ากับผลคูณของความดันภายใน กับพื้นที่ที่ตั้งฉากกับแรง ถ้าแรงที่เกิดขึ้นนี้มากเกินไป ก็จะทำให้เกิดความเค้นในเนื้อวัสดุที่มีปริมาณมากด้วย จนวัสดุนั้นไม่สามารถรับได้ จะทำให้ภาชนะนั้นเกิดการเสียหาย ดังนั้นจึงต้องระวังในการออกแบบให้เหมาะสมกับการใช้งานนั้นๆ

Äสาระการเรียนรู้
1. ความเค้นตามแนวเส้นรอบวง
2. ความเค้นตามแนวยาว
3. ความเค้นในถังทรงกลมผนังบาง
4. ภาชนะอัดความดันมีตะเข็บหรือรอยต่อ

Äผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง
1. บอกชนิดของความเค้นที่เกิดกับภาชนะอัดความดันได้
2. คำนวณหาความเค้นตามแนวเส้นรอบวงได้
3. คำนวณหาความเค้นตามแนวยาวได้
4. คำนวณหาความเค้นในถังทรงกลมผนังบางได้
5. คำนวณหาค่าต่างๆ ที่เกี่ยวกับภาชนะอัดความดันได้
6. มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่อาจารย์สามารถสังเกตเห็นได้ ในด้านความมีมนุษยสัมพันธ์ ความมีวินัย ความรับผิดชอบ ความเชื่อมั่นในตนเอง ความสนใจใฝ่รู้ ความรักสามัคคี ความกตัญญูกตเวที

Äกิจกรรมการเรียนการสอน
ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน
1. อาจารย์สนทนาเรื่องความหมายของความเค้นภายในภาชนะโดยมีความดันมาเกี่ยวข้อง
2. นักศึกษาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความเค้นภายในภาชนะที่มีความดันมาเกี่ยวข้อง
ขั้นสอน
3. อาจารย์อธิบายเกี่ยวกับวัสดุที่เกิดการขยายตัวและหดตัวตามอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงไป เมื่อวัสดุถูกความร้อน ก็จะมีการขยายตัวมาเกี่ยวข้องและ ถ้าวัสดุเย็นตัวลงจะหดตัว
4. นักศึกษาทำการซักถามข้อสงสัยของเนื้อหาที่เรียน
5. อาจารย์ยกตัวอย่างประกอบการอธิบายเกี่ยวกับการขยายตัวของวัสดุและการหดตัว
6. อาจารย์อธิบายสูตรและ ความสำคัญของสูตร
7. อาจารย์อธิบายวิธีการคำนวณ พร้อมทั้งยกตัวอย่างประกอบ
8. นักศึกษาออกมาแสดงวิธีทำหน้าชั้นเรียนโดยมีอาจารย์เป็นผู้ตั้งโจทย์
9. อาจารย์เฉลยโจทย์ที่นักศึกษาทำและชี้แจงข้อผิดพลาดของนักศึกษา

ขั้นสรุปและการประยุกต์
10. อาจารย์และนักศึกษาร่วมกันสรุปเนื้อหาของบทเรียน และเปิดโอกาสให้นักศึกษาซักถามถ้ามีข้อสงสัยในเรื่องใด
11. นักศึกษาทำแบบประเมินผลการเรียนรู้หน่วยที่ 4

Äสื่อการเรียนการสอน
หนังสือเรียนวิชา ความแข็งแรงของวัสดุ (3100-0107) ของสำนักพิมพ์เอมพันธ์

Äการวัดและการประเมินผล
วิธีวัดผล
1. สังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล
2. ตรวจแบบประเมินผลการเรียนรู้หน่วยที่ 4
3. การสังเกตและประเมินผลพฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์

เครื่องมือวัดผล
1. แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล (ภาคผนวก ข)
2. แบบประเมินผลการเรียนรู้หน่วยที่ 4
3. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยอาจารย์และนักศึกษาร่วมกันประเมิน (ภาคผนวก จ)

เกณฑ์การประเมินผล
1. แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล เกณฑ์ผ่าน ต้องไม่มีช่องปรับปรุง
2. แบบประเมินผลการเรียนรู้หน่วยที่ 4 ทำถูกต้อง 50% ขึ้นไป
3. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนขึ้นอยู่กับการประเมินตามสภาพจริง

Äบันทึกหลังการสอน
(ภาคผนวก ฌ และ ญ)
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 7
รหัสวิชา 3100-0107 วิชา ความแข็งแรงของวัสดุ
หน่วยที่ 5 ชั่วโมงที่ 19-21 ชื่อหน่วย การต่อโดยใช้หมุดย้ำ
(Riveted Joint)

Äแนวคิด
ภาชนะอัดความดันส่วนมากจะประกอบขึ้นจากแผ่นโลหะตัดโค้งหลายแผ่นต่อกันด้วยหมุดย้ำให้ได้รูปทรงตามที่ต้องการ เช่น ถังเก็บน้ำ Boiler หรือการต่อยึดชิ้นส่วนเข้าด้วยกัน โดยใช้หมุดย้ำ

Äสาระการเรียนรู้
1. ชนิดของการต่อโดยใช้หมุดย้ำ
2. ชนิดของการแตกหักหรือขาดของหมุดย้ำและแผ่นต่อ

Äผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง
1. บอกชนิดของการต่อโดยใช้หมุดย้ำได้
2. คำนวณหาแรงต่างๆ ที่กระทำกับรอยต่อได้
3. มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่อาจารย์สามารถสังเกตเห็นได้ ในด้านความมีมนุษยสัมพันธ์ ความมีวินัย ความรับผิดชอบ ความเชื่อมั่นในตนเอง ความสนใจใฝ่รู้ ความรักสามัคคี ความกตัญญูกตเวที

Äกิจกรรมการเรียนการสอน
ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน
1. อาจารย์สนทนาเกี่ยวกับการย้ำหมุดแบบต่างๆ ว่ามีความสำคัญอย่างไรบ้างต่อการนำไปใช้งานให้ได้ประโยชน์สูงสุด

ขั้นสอน
2. อาจารย์อธิบายความหมายของการย้ำหมุดให้ได้รูปทรงตามต้องการ
3. นักศึกษาซักถามข้อสงสัยของเนื้อหาที่เรียน
4. อาจารย์ตั้งคำถามเกี่ยวกับการย้ำหมุดและวิธีการต่อแผ่นโลหะหลายๆ แผ่น
5. นักศึกษาตอบคำถามที่อาจารย์ถาม
6. อาจารย์อธิบายความหมายของสูตร
7. อาจารย์อธิบายวิธีการคำนวณ
8. อาจารย์อธิบายตัวอย่างและบอกวิธีการหาสมการ
9. นักศึกษาทำการแบ่งกลุ่มและออกมาทำโจทย์หน้าชั้นเรียนโดยอาจารย์เป็นผู้ตั้งโจทย์
10. อาจารย์ทำการเฉลยโจทย์ที่นักศึกษาทำหน้าชั้นเรียน

ขั้นสรุปและการประยุกต์
11. อาจารย์และนักศึกษาร่วมกันสรุปบทเรียนและ เปิดโอกาสให้นักศึกษาซักถามถ้ามีข้อสงสัยในเรื่องใด
12. นักศึกษาทำแบบประเมินผลการเรียนรู้หน่วยที่ 5

Äสื่อการเรียนการสอน
หนังสือเรียนวิชา ความแข็งแรงของวัสดุ (3100-0107) ของสำนักพิมพ์เอมพันธ์

Äการวัดและการประเมินผล
วิธีวัดผล
1. สังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล
2. ตรวจแบบประเมินผลการเรียนรู้หน่วยที่ 5
3. การสังเกตและประเมินผลพฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์

เครื่องมือวัดผล
1. แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล (ภาคผนวก ข)
2. แบบประเมินผลการเรียนรู้หน่วยที่ 5
3. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยอาจารย์และนักศึกษาร่วมกันประเมิน (ภาคผนวก จ)

เกณฑ์การประเมินผล
1. แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล เกณฑ์ผ่าน ต้องไม่มีช่องปรับปรุง
2. แบบประเมินผลการเรียนรู้หน่วยที่ 5 ทำถูกต้อง 50% ขึ้นไป
3. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนขึ้นอยู่กับการประเมินตามสภาพจริง

Äบันทึกหลังการสอน
(ภาคผนวก ฌ และ ญ)
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 8
รหัสวิชา 3100-0107 วิชา ความแข็งแรงของวัสดุ
หน่วยที่ 5 ชั่วโมงที่ 22-24 ชื่อหน่วย การต่อโดยใช้หมุดย้ำ
(Riveted Joint)

Äแนวคิด
ภาชนะอัดความดันส่วนมากจะประกอบขึ้นจากแผ่นโลหะตัดโค้งหลายแผ่นต่อกัน ด้วยหมุดย้ำให้ได้รูปทรงตามที่ต้องการและการต่อด้วยแผ่นต่อกว้างๆ

Äสาระการเรียนรู้
3. การต่อด้วยแผ่นต่อกว้างๆ
4. ประสิทธิภาพของรอยต่อ

Äผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง
3. คำนวณหาแรงต่างๆ ที่กระทำกับรอยต่อด้วยแผ่นต่อกว้างๆ ได้
4. คำนวณหาประสิทธิภาพของรอยต่อได้
5. มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่อาจารย์สามารถสังเกตเห็นได้ ในด้านความมีมนุษยสัมพันธ์ ความมีวินัย ความรับผิดชอบ ความเชื่อมั่นในตนเอง ความสนใจใฝ่รู้ ความรักสามัคคี ความกตัญญูกตเวที

Äกิจกรรมการเรียนการสอน
ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน
1. อาจารย์ทบทวนความรู้เดิมที่เรียนมา เรื่องการย้ำหมุดเพื่อที่จะทำการสอนเชื่อมโยงจากครั้งที่แล้ว
2. อาจารย์ทดสอบความรู้ของนักศึกษาโดยการถามตอบ

ขั้นสอน
3. อาจารย์อธิบายเนื้อหาของการต่อแผ่นโลหะเข้าด้วยกันว่าควรมีการต่ออย่างไร และมีวิธีอย่างไรบ้าง ที่จะทำให้แผ่นโลหะมีประสิทธิภาพสูงสุด
4. อาจารย์เปิดโอกาสให้นักศึกษาทำการซักถามข้อสงสัย
5. นักศึกษาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการต่อแผ่นโลหะเข้าด้วยกันว่ามีผลอย่างไรบ้าง
6. อาจารย์อธิบายวิธีการคำนวณและยกตัวอย่างประกอบ
7. ให้นักศึกษาออกมาทำโจทย์หน้าชั้นเรียนโดยอาจารย์เป็นผู้ตั้งโจทย์
8. อาจารย์ทำการเฉลยโจทย์เพื่อเป็นการทบทวน

ขั้นสรุปและการประยุกต์
9. อาจารย์และนักศึกษาร่วมกันสรุปบทเรียน เปิดโอกาสให้นักศึกษาซักถามถ้ามีข้อสงสัยในเรื่องใด
10. นักศึกษาทำแบบประเมินผลการเรียนรู้หน่วยที่ 5

Äสื่อการเรียนการสอน
หนังสือเรียนวิชา ความแข็งแรงของวัสดุ (3100-0107) ของสำนักพิมพ์เอมพันธ์

Äการวัดและการประเมินผล
วิธีวัดผล
1. สังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล
2. ตรวจแบบประเมินผลการเรียนรู้หน่วยที่ 5
3. การสังเกตและประเมินผลพฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์

เครื่องมือวัดผล
1. แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล (ภาคผนวก ข)
2. แบบประเมินผลการเรียนรู้หน่วยที่ 5
3. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยอาจารย์และนักศึกษาร่วมกันประเมิน (ภาคผนวก จ)

เกณฑ์การประเมินผล
1. แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล เกณฑ์ผ่าน ต้องไม่มีช่องปรับปรุง
2. แบบประเมินผลการเรียนรู้หน่วยที่ 5 ทำถูกต้อง 50% ขึ้นไป
3. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนขึ้นอยู่กับการประเมินตามสภาพจริง

Äบันทึกหลังการสอน
(ภาคผนวก ฌ และ ญ)
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 9
รหัสวิชา 3100-0107 วิชา ความแข็งแรงของวัสดุ
หน่วยที่ 6 ชั่วโมงที่ 25-27 ชื่อหน่วย การต่อโดยการเชื่อม
(Welded Joint)

Äแนวคิด
การต่อโดยการเชื่อม เป็นวิธีการหนึ่งที่ทำให้โลหะติดกันเป็นโครงสร้างตามที่ต้องการ โดยการให้ความร้อนบริเวณที่ต้องการต่อ และใช้ลวดเชื่อมเป็นตัวกลางหลอมแผ่นโลหะให้ติดกัน การเชื่อมที่นิยมใช้กันมาก คือ การเชื่อมไฟฟ้า และการเชื่อมแก๊ส

Äสาระการเรียนรู้
ชนิดของการต่อโดยการเชื่อมและสูตรการคำนวณ

Äผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง
1. บอกชนิดของการต่อโดยการเชื่อมได้
2. คำนวณหาความแข็งแรงของการเชื่อมแบบต่อชนได้
3. คำนวณหาความแข็งแรงของการเชื่อมต่อแบบทาบได้
4. คำนวณหาความยาวของรอยเชื่อมได้
5. มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่อาจารย์สามารถสังเกตเห็นได้ ในด้านความมีมนุษยสัมพันธ์ ความมีวินัย ความรับผิดชอบ ความเชื่อมั่นในตนเอง ความสนใจใฝ่รู้ ความรักสามัคคี ความกตัญญูกตเวที

Äกิจกรรมการเรียนการสอน
ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน
1. อาจารย์สนทนาวิธีการที่จะนำโลหะหลายๆ ชนิดมาเชื่อมติดกันให้เป็นโครงสร้างแบบต่างๆ และมีความแข็งแรงที่สามารถนำมาใช้งานได้จริง

ขั้นสอน
2. อาจารย์อธิบายชนิดของการเชื่อมต่อในรูปแบบต่างๆ ของโลหะ
3. นักศึกษาวิเคราะห์การต่อเชื่อมแบบต่างๆ
4. อาจารย์เปิดโอกาสให้นักศึกษาซักถามข้อสงสัย
5. อาจารย์อธิบายการคำนวณหาความแข็งแรงของการเชื่อมต่อของแผ่นโลหะ
6. อาจารย์อธิบายตัวอย่างประกอบบนกระดาน
7. อาจารย์สอนวิธีการคำนวณและพร้อมอธิบายตัวอย่างประกอบ
8. นักศึกษาออกมาทำโจทย์หน้าชั้นเรียน
9. อาจารย์เฉลยโจทย์หน้าชั้นเรียน

ขั้นสรุปและการประยุกต์
10. อาจารย์และนักศึกษาร่วมกันสรุปบทเรียน เปิดโอกาสให้นักศึกษาซักถามถ้ามีข้อสงสัยในเรื่องใด
11. นักศึกษาทำแบบประเมินผลการเรียนรู้หน่วยที่ 6

Äสื่อการเรียนการสอน
หนังสือเรียนวิชา ความแข็งแรงของวัสดุ (3100-0107) ของสำนักพิมพ์เอมพันธ์

Äการวัดและการประเมินผล
วิธีวัดผล
1. สังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล
2. ตรวจแบบประเมินผลการเรียนรู้หน่วยที่ 6
3. การสังเกตและประเมินผลพฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์

เครื่องมือวัดผล
1. แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล (ภาคผนวก ข)
2. แบบประเมินผลการเรียนรู้หน่วยที่ 6
3. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยอาจารย์และนักศึกษาร่วมกันประเมิน (ภาคผนวก จ)

เกณฑ์การประเมินผล
1. แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล เกณฑ์ผ่าน ต้องไม่มีช่องปรับปรุง
2. แบบประเมินผลการเรียนรู้หน่วยที่ 6 ทำถูกต้อง 50% ขึ้นไป
3. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนขึ้นอยู่กับการประเมินตามสภาพจริง

Äบันทึกหลังการสอน
(ภาคผนวก ฌ และ ญ)
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 10
รหัสวิชา 3100-0107 วิชา ความแข็งแรงของวัสดุ
หน่วยที่ 7 ชั่วโมงที่ 28-30 ชื่อหน่วย การบิดของเพลา (Torsion)

Äแนวคิด
การส่งกำลังด้วยเพลา เช่น เครื่องกำเนิดไฟฟ้า เพลาที่ใช้ส่งกำลังจะต้องออกแบบให้รับภาระต่างๆ ได้ เพื่อไม่ให้เพลาเสียหาย ต้องพิจารณาแรงที่กระทำกับเพลา คือ แรงบิด (Twisting Force) คือแรงที่กระทำตั้งฉากกับแนวแกนตามยาวของเพลา และหมุนรอบแกนด้วยโมเมนต์บิด (Twisting Moment or Torque) โมเมนต์ที่พยายามบิดโครงสร้างของเพลาให้เปลี่ยนไปจากตำแหน่งเดิม

Äสาระการเรียนรู้
1. ความเค้นเนื่องจากแรงบิด
2. แรงบิดและกำลัง
3. การต่อเพลาด้วยหน้าแปลน

Äผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง
1. บอกความหมายของแรงบิดหรือทอร์กได้
2. คำนวณหาความเค้น แรงบิด และกำลังของเพลาแบบต่างๆ ได้
3. มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่อาจารย์สามารถสังเกตเห็นได้ ในด้านความมีมนุษยสัมพันธ์ ความมีวินัย ความรับผิดชอบ ความเชื่อมั่นในตนเอง ความสนใจใฝ่รู้ ความรักสามัคคี ความกตัญญูกตเวที

Äกิจกรรมการเรียนการสอน
ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน
1. อาจารย์สนทนากับนักศึกษาเกี่ยวกับการบิดของวัสดุที่มากระทำต่อโครงสร้าง

ขั้นสอน
2. อาจารย์ตั้งปัญหาถามนักศึกษาเกี่ยวกับเรื่องของการบิดของวัสดุที่มากระทำต่อโครงสร้างที่มีอยู่ในชีวิตประจำวันว่ามีอะไรบ้าง
3. ให้นักศึกษาตอบคำถามที่อาจารย์ถามนั้นและให้นักศึกษาแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม
4. อาจารย์อธิบายความหมายของความเค้นเนื่องจากแรงบิดต่างๆ
5. อาจารย์อธิบายสูตรการคำนวณที่จะใช้
6. อาจารย์อธิบายวิธีการคำนวณ
7. ให้นักศึกษาออกมาทำโจทย์หน้าชั้นเรียนโดยอาจารย์เป็นผู้ตั้งโจทย์ให้

ขั้นสรุปและการประยุกต์
8. อาจารย์และนักศึกษาร่วมกันสรุปบทเรียน เปิดโอกาสให้นักศึกษาซักถามถ้ามีข้อสงสัยในเรื่องใด
9. นักศึกษาทำแบบประเมินผลการเรียนรู้หน่วยที่ 7

Äสื่อการเรียนการสอน
หนังสือเรียนวิชา ความแข็งแรงของวัสดุ (3100-0107) ของสำนักพิมพ์เอมพันธ์

Äการวัดและการประเมินผล
วิธีวัดผล
1. สังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล
2. ตรวจแบบประเมินผลการเรียนรู้หน่วยที่ 7
3. การสังเกตและประเมินผลพฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์

เครื่องมือวัดผล
1. แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล (ภาคผนวก ข)
2. แบบประเมินผลการเรียนรู้หน่วยที่ 7
3. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยอาจารย์และนักศึกษาร่วมกันประเมิน (ภาคผนวก จ)

เกณฑ์การประเมินผล
1. แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล เกณฑ์ผ่าน ต้องไม่มีช่องปรับปรุง
2. แบบประเมินผลการเรียนรู้หน่วยที่ 7 ทำถูกต้อง 50% ขึ้นไป
3. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนขึ้นอยู่กับการประเมินตามสภาพจริง

Äบันทึกหลังการสอน
(ภาคผนวก ฌ และ ญ)
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 11
รหัสวิชา 3100-0107 วิชา ความแข็งแรงของวัสดุ
หน่วยที่ 7 ชั่วโมงที่ 31-33 ชื่อหน่วย การบิดของเพลา (Torsion)

Äแนวคิด
การส่งกำลังด้วยเพลา เช่น เครื่องกำเนิดไฟฟ้า เพลาที่ใช้ส่งกำลังจะต้องออกแบบให้รับภาระต่างๆ ได้ เพื่อไม่ให้เพลาเสียหาย ต้องพิจารณาแรงที่กระทำกับเพลา คือ แรงบิด (Twisting Force) คือแรงที่กระทำตั้งฉากกับแนวแกนตามยาวของเพลา และหมุนรอบแกน

Äสาระการเรียนรู้
4. เพลาขนาดไม่เท่ากัน
5. เพลารับแรงบิดหลายจุด
6. เพลาลดขนาดแบบกลึงโค้ง หรือทำฟิลเลต

Äผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง
3. อธิบายได้ว่าถ้าเพลาไม่เท่ากันจะเกิดแรงสูญเสียอะไรบ้าง
4. บอกความหมายของเพลารับแรงบิดหลายจุดได้
5. คำนวณหาแรงบิดได้อย่างถูกต้อง
6. หาขนาดเพลาโดยการกลึงโค้งหรือทำฟิลเลตและทำการคำนวณได้ถูกต้อง
7. มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่อาจารย์สามารถสังเกตเห็นได้ ในด้านความมีมนุษยสัมพันธ์ ความมีวินัย ความรับผิดชอบ ความเชื่อมั่นในตนเอง ความสนใจใฝ่รู้ ความรักสามัคคี ความกตัญญูกตเวที

Äกิจกรรมการเรียนการสอน
ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน
1. อาจารย์ทบทวนความรู้จากที่ผ่านมาเพื่อจะทำการสอนให้เชื่อมโยงจากครั้งที่แล้ว

ขั้นสอน
2. อาจารย์อธิบายความหมายของเพลาขนาดไม่เท่ากัน และเพลารับแรงบิดหลายจุด
3. อาจารย์ตั้งปัญหาถามนักศึกษาเกี่ยวกับ เรื่องหลักการและความหมายของเพลารับแรงบิดและเพลาลดขนาดแบบกึ่งโค้ง
4. ให้นักศึกษาตอบคำถามที่อาจารย์ถามและให้นักศึกษาแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม
5. อาจารย์อธิบาย วิธีการคำนวณ และบอกสูตรการคำนวณพร้อมทั้งยกตัวอย่างประกอบคำอธิบาย
6. นักศึกษาทำการวิเคราะห์ตัวอย่างและจับใจความสำคัญ
7. อาจารย์ให้นักศึกษาออกมาทำโจทย์หน้าชั้นเรียนโดยอาจารย์เป็นผู้ตั้งโจทย์ให้
8. อาจารย์เฉลยโจทย์หน้าชั้นเรียน

ขั้นสรุปและการประยุกต์
9. อาจารย์และนักศึกษาร่วมกันสรุปบทเรียน เปิดโอกาสให้นักศึกษาซักถามถ้ามีข้อสงสัยในเรื่องใด
10. นักศึกษาทำแบบประเมินผลการเรียนรู้หน่วยที่ 7

Äสื่อการเรียนการสอน
หนังสือเรียนวิชา ความแข็งแรงของวัสดุ (3100-0107) ของสำนักพิมพ์เอมพันธ์

Äการวัดและการประเมินผล
วิธีวัดผล
1. สังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล
2. ตรวจแบบประเมินผลการเรียนรู้หน่วยที่ 7
3. การสังเกตและประเมินผลพฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์

เครื่องมือวัดผล
1. แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล (ภาคผนวก ข)
2. แบบประเมินผลการเรียนรู้หน่วยที่ 7
3. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยอาจารย์และนักศึกษาร่วมกันประเมิน (ภาคผนวก จ)

เกณฑ์การประเมินผล
1. แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล เกณฑ์ผ่าน ต้องไม่มีช่องปรับปรุง
2. แบบประเมินผลการเรียนรู้หน่วยที่ 7 ทำถูกต้อง 50% ขึ้นไป
3. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนขึ้นอยู่กับการประเมินตามสภาพจริง

Äบันทึกหลังการสอน
(ภาคผนวก ฌ และ ญ)
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 12
รหัสวิชา 3100-0107 วิชา ความแข็งแรงของวัสดุ
หน่วยที่ 8 ชั่วโมงที่ 34-36 ชื่อหน่วย แรงเฉือนและโมเมนต์ดัดของคาน
(Shearing Force and Bending Moment)

Äแนวคิด
โครงสร้างที่ถูกกระทำด้วยแรง หรือน้ำหนัก และมีทิศทางตั้งฉากกับโครงสร้างนั้นเรียกว่า “คาน” (Beam) เช่น โครงสร้างของสะพาน โครงสร้างของอาคาร เป็นต้น นอกจากนี้ยังหมายถึง คานที่ใช้เป็นส่วนประกอบของเครื่องจักรกลต่างๆ เช่น เพลาขับซึ่งมีพูลเลย์สายพานคานของเครนยกของ เป็นต้น การศึกษาในหน่วยนี้เป็นประโยชน์ในการออกแบบคานต่างๆ เพื่อให้คานมีความแข็งแรงสามารถใช้งานได้

Äสาระการเรียนรู้
1. ชนิดของการรับของคานและแรงกระทำ

Äผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง
1. บอกชนิดของการรับของคาน และแรงกระทำได้
2. มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่อาจารย์สามารถสังเกตเห็นได้ ในด้านความมีมนุษยสัมพันธ์ ความมีวินัย ความรับผิดชอบ ความเชื่อมั่นในตนเอง ความสนใจใฝ่รู้ ความรักสามัคคี ความกตัญญูกตเวที

Äกิจกรรมการเรียนการสอน
ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน
1. อาจารย์และนักศึกษาร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการรองรับน้ำหนักด้วยคาน

ขั้นสอน
2. อาจารย์บรรยายเกี่ยวกับการรองรับน้ำหนักของคานในคานแบบต่างๆ
3. อาจารย์อธิบายประโยชน์ของคานให้นักศึกษาทราบว่าคานมีประโยชน์อย่างไรบ้าง
4. ให้นักศึกษาวิเคราะห์การรับแรงที่มากระทำต่อคานว่ามีผลอย่างไรบ้าง
5. ให้นักศึกษาตอบคำถามที่อาจารย์ถามเรื่องของแรงที่มากระทำกับคานและให้นักศึกษาแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมจากที่นักศึกษาวิเคราะห์แล้ว
6. อาจารย์อธิบายให้นักศึกษาทราบที่มาของสูตร
7. อาจารย์อธิบายหลักการคำนวณและอธิบายตัวอย่างประกอบ

ขั้นสรุปและการประยุกต์
8. อาจารย์และนักศึกษาร่วมกันสรุปบทเรียน เปิดโอกาสให้นักศึกษาซักถามถ้ามีข้อสงสัยในเรื่องใด
9. นักศึกษาทำแบบประเมินผลการเรียนรู้หน่วยที่ 8

Äสื่อการเรียนการสอน
หนังสือเรียนวิชา ความแข็งแรงของวัสดุ (3100-0107) ของสำนักพิมพ์เอมพันธ์

Äการวัดและการประเมินผล
วิธีวัดผล
1. สังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล
2. ตรวจแบบประเมินผลการเรียนรู้หน่วยที่ 8
3. การสังเกตและประเมินผลพฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์

เครื่องมือวัดผล
1. แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล (ภาคผนวก ข)
2. แบบประเมินผลการเรียนรู้หน่วยที่ 8
3. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยอาจารย์และนักศึกษาร่วมกันประเมิน (ภาคผนวก จ)

เกณฑ์การประเมินผล
1. แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล เกณฑ์ผ่าน ต้องไม่มีช่องปรับปรุง
2. แบบประเมินผลการเรียนรู้หน่วยที่ 8 ทำถูกต้อง 50% ขึ้นไป
3. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนขึ้นอยู่กับการประเมินตามสภาพจริง

Äบันทึกหลังการสอน
(ภาคผนวก ฌ และ ญ)
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 13
รหัสวิชา 3100-0107 วิชา ความแข็งแรงของวัสดุ
หน่วยที่ 8 ชั่วโมงที่ 37-39 ชื่อหน่วย แรงเฉือนและโมเมนต์ดัดของคาน
(Shearing Force and Bending Moment)

Äแนวคิด
โครงสร้างที่ถูกกระทำด้วยแรง หรือน้ำหนัก และมีทิศทางตั้งฉากกับโครงสร้างนั้นเรียกว่า “คาน” (Beam) เช่น โครงสร้างของสะพาน โครงสร้างของอาคาร เป็นต้น แต่เมื่อมีแรงมากระทำกับคาน จึงเกิดความเค้นอาจทำให้คานแตกหักได้

Äสาระการเรียนรู้
2. แรงเฉือนและโมเมนต์ดัดในคาน
3. แผนภาพของแรงเฉือนและโมเมนต์ดัดในคาน

Äผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง
2. คำนวณหาแรงเฉือนและโมเมนต์ดัดในคานได้
3. เขียนแผนภาพของแรงเฉือนและโมเมนต์ดัดในคานได้
4. มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่อาจารย์สามารถสังเกตเห็นได้ ในด้านความมีมนุษยสัมพันธ์ ความมีวินัย ความรับผิดชอบ ความเชื่อมั่นในตนเอง ความสนใจใฝ่รู้ ความรักสามัคคี ความกตัญญูกตเวที

Äกิจกรรมการเรียนการสอน
ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน
1. อาจารย์ทบทวนความรู้เดิมที่เรียนมา โดยนักศึกษาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความรู้ที่ได้เรียนจากครั้งที่แล้วเพื่อเชื่อมโยงสู่ความรู้ใหม่

ขั้นสอน
2. อาจารย์บรรยายเกี่ยวกับเรื่องของแรงเฉือนและโมเมนต์ดัดในคานให้นักศึกษาฟัง
3. ให้นักศึกษาดูแผนภาพของแรงเฉือนและโมเมนต์ดัดในคาน
4. อาจารย์ตั้งปัญหาถามว่านักศึกษาเคยเห็นคานที่รองรับน้ำหนักสิ่งของหรือไม่
5. ให้นักศึกษาตอบคำถามนั้นและให้นักศึกษาอธิบายถึงสิ่งที่นักศึกษาตอบ
6. อาจารย์ชี้แจงอีกครั้งหนึ่ง
7. อาจารย์อธิบายวิธีคำนวณให้นักศึกษาฟังพร้อมทั้งยกตัวอย่างประกอบ
8. อาจารย์ให้นักศึกษาออกมาทำโจทย์หน้าชั้นเรียนโดยเรียกจากบัญชีรายชื่อ
9. อาจารย์เฉลยโจทย์หน้าชั้นเรียน

ขั้นสรุปและการประยุกต์
10. อาจารย์และนักศึกษาร่วมกันสรุปบทเรียน เปิดโอกาสให้นักศึกษาซักถามถ้ามีข้อสงสัยในเรื่องใด
11. นักศึกษาทำแบบประเมินผลการเรียนรู้หน่วยที่ 8

Äสื่อการเรียนการสอน
หนังสือเรียนวิชา ความแข็งแรงของวัสดุ (3100-0107) ของสำนักพิมพ์เอมพันธ์

Äการวัดและการประเมินผล
วิธีวัดผล
1. สังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล
2. ตรวจแบบประเมินผลการเรียนรู้หน่วยที่ 8
3. การสังเกตและประเมินผลพฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์

เครื่องมือวัดผล
1. แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล (ภาคผนวก ข)
2. แบบประเมินผลการเรียนรู้หน่วยที่ 8
3. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยอาจารย์และนักศึกษาร่วมกันประเมิน (ภาคผนวก จ)

เกณฑ์การประเมินผล
1. แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล เกณฑ์ผ่าน ต้องไม่มีช่องปรับปรุง
2. แบบประเมินผลการเรียนรู้หน่วยที่ 8 ทำถูกต้อง 50% ขึ้นไป
3. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนขึ้นอยู่กับการประเมินตามสภาพจริง

Äบันทึกหลังการสอน
(ภาคผนวก ฌ และ ญ)
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 14
รหัสวิชา 3100-0107 วิชา ความแข็งแรงของวัสดุ
หน่วยที่ 9 ชั่วโมงที่ 40-42 ชื่อหน่วย ความเค้นดัดในคาน
(Bending Stresses in Beam)

Äแนวคิด
จากหน่วยที่ 8 จะเห็นว่าเมื่อมีแรงมากระทำกับคาน จะเกิดโมเมนต์ดัด (BM) ซึ่งจะทำให้เกิดความเค้นดึง และความเค้นอัด ส่วนแรงเฉือน (SF) จะทำให้เกิดความเค้นเฉือนขึ้นในคานในการพิจารณาความเค้นดัดจะกำหนดข้อสมมติฐานดังนี้

Äสาระการเรียนรู้
1. การพิจารณาความเค้นดัด
2. ความสัมพันธ์ระหว่างความเค้นดัดกับโมเมนต์ดัด
3. ค่าโมดูลัสหน้าตัด และโมเมนต์ของความเฉือนของหน้าตัดรูปต่างๆ
4. การหาโมเมนต์ของความเฉือนรอบแกนสะเทินของรูปตัว T
5. การคำนวณหาค่าความเค้นดัดในคาน

Äผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง
1. บอกความสัมพันธ์ระหว่างความเค้นดัดกับโมเมนต์ดัดได้
2. คำนวณหาโมเมนต์ของความเฉือนของรูปตัว T และรูปอื่นๆ ได้
3. บอกความหมายของโมเมนต์ของความเฉือนได้ถูกต้อง
4. คำนวณหาค่าความเค้นดัดได้
5. มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่อาจารย์สามารถสังเกตเห็นได้ ในด้านความมีมนุษยสัมพันธ์ ความมีวินัย ความรับผิดชอบ ความเชื่อมั่นในตนเอง ความสนใจใฝ่รู้ ความรักสามัคคี ความกตัญญูกตเวที

Äกิจกรรมการเรียนการสอน
ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน
1. อาจารย์สนทนากับนักศึกษาเกี่ยวกับเรื่องของความเค้นดัดในคานว่ามีผลอะไรบ้างถ้าเกิดการดัดในคาน




ขั้นสอน
2. อาจารย์อธิบายเนื้อหาของบทเรียนที่เกี่ยวกับความเค้นดัด ความสัมพันธ์ระหว่างความเค้นดัด กับโมเมนต์ดัด และค่าโมดูลัสหน้าตัด โมเมนต์ของความเฉือนของหน้าตัดรูปทรงต่างๆ
3. ให้นักศึกษาซักถามเกี่ยวกับข้อสงสัยในเนื้อหาที่เรียน
4. ให้นักศึกษาตอบคำถามที่อาจารย์ถามเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างความเค้นดัดกับโมเมนต์ดัดว่ามีความสัมพันธ์กันหรือไม่และให้นักศึกษาแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม
5. อาจารย์บอกที่มาของสูตร
6. อาจารย์อธิบายวิธีการคำนวณให้นักศึกษาฟัง
7. อาจารย์อธิบายโจทย์หน้าห้องและให้นักศึกษาจดบันทึก
8. อาจารย์บรรยายเกี่ยวกับการหาแรงโมเมนต์ของความเฉือนรอบแกนสะเทินของรูปตัว T
9. นักศึกษาวิเคราะห์ความหมายของโมเมนต์ของความเฉือน
10. ให้นักศึกษาตอบคำถามที่อาจารย์ถามเรื่องของโมเมนต์ของความเฉือนว่ามีความสัมพันธ์กันหรือไม่และให้นักศึกษาแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม
11. อาจารย์อธิบายที่มาของสูตร
12. อาจารย์อธิบายหลักการคำนวณหาค่าความเค้นดัดในคานพร้อมทั้งยกตัวอย่างประกอบ
13. อาจารย์อธิบายโจทย์หน้าห้องและให้นักศึกษาจดบันทึก

ขั้นสรุปและการประยุกต์
14. อาจารย์และนักศึกษาร่วมกันสรุปบทเรียน เปิดโอกาสให้นักศึกษาซักถามถ้ามีข้อสงสัยในเรื่องใด
15. นักศึกษาทำแบบประเมินผลการเรียนรู้หน่วยที่ 9

Äสื่อการเรียนการสอน
หนังสือเรียนวิชา ความแข็งแรงของวัสดุ (3100-0107) ของสำนักพิมพ์เอมพันธ์

Äการวัดและการประเมินผล
วิธีวัดผล
1. สังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล
2. ตรวจแบบประเมินผลการเรียนรู้หน่วยที่ 9
3. การสังเกตและประเมินผลพฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์

เครื่องมือวัดผล
1. แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล (ภาคผนวก ข)
2. แบบประเมินผลการเรียนรู้หน่วยที่ 9
3. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยอาจารย์และนักศึกษาร่วมกันประเมิน (ภาคผนวก จ)

เกณฑ์การประเมินผล
1. แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล เกณฑ์ผ่าน ต้องไม่มีช่องปรับปรุง
2. แบบประเมินผลการเรียนรู้หน่วยที่ 9 ทำถูกต้อง 50% ขึ้นไป
3. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนขึ้นอยู่กับการประเมินตามสภาพจริง

Äบันทึกหลังการสอน
(ภาคผนวก ฌ และ ญ)
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 15
รหัสวิชา 3100-0107 วิชา ความแข็งแรงของวัสดุ
หน่วยที่ 10 ชั่วโมงที่ 43-45 ชื่อหน่วย ความเค้นเฉือนในคาน
(Shear Stress in Beam)

Äแนวคิด
เมื่อเกิดโมเมนต์ดัดและความเค้นดัด เนื่องจากแรงที่กระทำกับคานในแนวดิ่งแล้ว ในขณะเดียวกันแรงเฉือนในแนวดิ่งก็จะทำให้เกิดความเค้นเฉือนแนวระดับด้วย ดังนั้นการออกแบบคาน หรือหาขนาดหน้าตัดของคานจะต้องพิจารณาจากความเค้นทั้งสองนี้

Äสาระการเรียนรู้
1. การพิจารณาความเค้นเฉือนในคาน
2. ความสัมพันธ์ระหว่างความเค้นเฉือนแนวระดับกับความเค้นเฉือนแนวดิ่ง
3. ความเค้นเฉือนในคานหน้าตัดรูปต่างๆ

Äผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง
1. บอกลักษณะความเค้นเฉือนในคานได้
2. คำนวณหาความเค้นเฉือนในคานหน้าตัดรูปต่างๆ ได้
3. มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่อาจารย์สามารถสังเกตเห็นได้ ในด้านความมีมนุษยสัมพันธ์ ความมีวินัย ความรับผิดชอบ ความเชื่อมั่นในตนเอง ความสนใจใฝ่รู้ ความรักสามัคคี ความกตัญญูกตเวที

Äกิจกรรมการเรียนการสอน
ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน
1. บอกความหมายของความเค้นเฉือนในคานพร้อมทั้งยกตัวอย่าง

ขั้นสอน
2. อาจารย์อธิบายเนื้อหาของความเค้นเฉือนในคานต่างๆ และความสัมพันธ์ระหว่างความเค้นเฉือนแนวระดับกับความเค้นเฉือนแนวดิ่ง ความเค้นเฉือนในคานหน้าตัดรูปต่างๆ พร้อมยกตัวอย่างประกอบ
3. นักศึกษาทำการวิเคราะห์ความหมายของความเค้นเฉือนในคานรูปต่างๆ
4. ให้นักศึกษาตอบคำถามที่อาจารย์ถามเรื่องของความเค้นเฉือนในคานว่ามีความสัมพันธ์กันหรือไม่และให้นักศึกษาแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม
5. อาจารย์อธิบายที่มาของสูตร
6. อาจารย์อธิบายหลักการคำนวณหาค่าความเค้นเฉือนในคานพร้อมทั้งยกตัวอย่างประกอบ
7. อาจารย์ให้นักศึกษาออกมาทำโจทย์หน้าชั้นเรียน
8. อาจารย์เฉลยโจทย์หน้าชั้นเรียน

ขั้นสรุปและการประยุกต์
9. อาจารย์และนักศึกษาร่วมกันสรุปบทเรียน เปิดโอกาสให้นักศึกษาซักถามถ้ามีข้อสงสัยในเรื่องใด
10. นักศึกษาทำแบบประเมินผลการเรียนรู้หน่วยที่ 10

Äสื่อการเรียนการสอน
หนังสือเรียนวิชา ความแข็งแรงของวัสดุ (3100-0107) ของสำนักพิมพ์เอมพันธ์

Äการวัดและการประเมินผล
วิธีวัดผล
1. สังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล
2. ตรวจแบบประเมินผลการเรียนรู้หน่วยที่ 10
3. การสังเกตและประเมินผลพฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์

เครื่องมือวัดผล
1. แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล (ภาคผนวก ข)
2. แบบประเมินผลการเรียนรู้หน่วยที่ 10
3. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยอาจารย์และนักศึกษาร่วมกันประเมิน (ภาคผนวก จ)

เกณฑ์การประเมินผล
1. แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล เกณฑ์ผ่าน ต้องไม่มีช่องปรับปรุง
2. แบบประเมินผลการเรียนรู้หน่วยที่ 10 ทำถูกต้อง 50% ขึ้นไป
3. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนขึ้นอยู่กับการประเมินตามสภาพจริง

Äบันทึกหลังการสอน
(ภาคผนวก ฌ และ ญ)
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 16
รหัสวิชา 3100-0107 วิชา ความแข็งแรงของวัสดุ
หน่วยที่ 11 ชั่วโมงที่ 46-48 ชื่อหน่วย การรวมความเค้น
(Combined Stresses)

Äแนวคิด
จากที่ผ่านมาเราได้ศึกษาความเค้นที่เกิดจากแรงพื้นฐาน (Normal Stresses) 3 ชนิด คือ แรงในแนวแกน แรงตั้งฉากกับหน้าตัด และแรงบิดชนิดใดชนิดหนึ่งเท่านั้น ชิ้นส่วนเครื่องจักรกลหรือโครงสร้างต่างๆ อาจรับแรง 2 หรือ 3 ชนิดก็ได้ จึงต้องมีการรวมความเค้น จะได้ความเค้นที่เกิดทั้งหมดในชิ้นงาน เพื่อเป็นประโยชน์ในการออกแบบ

Äสาระการเรียนรู้
1. การรวมความเค้นในแนวแกน หรือ ความเค้นตรงและความเค้นดัด
2. การรวมความเค้นเนื่องจากแรงกระทำเยื้องเส้นศูนย์กลาง
3. การรวมความเค้นดัดและความเค้นเฉือน
4. การรวมความเค้นในแนวแกน ความเค้นดัด และความเค้นเฉือน

Äผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง
1. พิจารณาความเค้นแบบต่างๆ ได้
2. คำนวณหาความเค้นรวมลักษณะต่างๆ ได้
3. สามารถอธิบายการรวมความเค้นดัดและความเค้นเฉือนได้
4. สามารถคำนวณหาความเค้นรวมในแนวแกน ความเค้นดัด และความเค้นเฉือนได้
5. มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่อาจารย์สามารถสังเกตเห็นได้ ในด้านความมีมนุษยสัมพันธ์ ความมีวินัย ความรับผิดชอบ ความเชื่อมั่นในตนเอง ความสนใจใฝ่รู้ ความรักสามัคคี ความกตัญญูกตเวที

Äกิจกรรมการเรียนการสอน
ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน
1. อาจารย์และนักศึกษาช่วยกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับองค์ประกอบสำคัญของความเค้นในแนวแกนต่างๆ





ขั้นสอน
2. อาจารย์อธิบายเนื้อหาของการรวมความเค้นพร้อมยกตัวอย่างประกอบ
3. นักศึกษาทำการวิเคราะห์ความหมายของการรวมความเค้น
4. ให้นักศึกษาตอบคำถามที่อาจารย์ถามเรื่องของการรวมความเค้นตามแนวแกนที่มากระทำและให้นักศึกษาแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม
5. อาจารย์อธิบายที่มาของสูตร
6. อาจารย์อธิบายหลักการคำนวณหาค่าความเค้นรวมตามแนวแกนพร้อมทั้งอธิบายตัวอย่างประกอบ
7. อาจารย์ให้นักศึกษาออกมาทำโจทย์หน้าชั้นเรียน
8. อาจารย์เฉลยโจทย์หน้าชั้นเรียน
9. อาจารย์อธิบายเนื้อหาของการรวมความเค้นดัดและความเค้นเฉือนพร้อมยกตัวอย่างประกอบ
10. นักศึกษาทำการวิเคราะห์ความหมายของการรวมความเค้นดัดและความเค้นเฉือน
11. ให้นักศึกษาตอบคำถามที่อาจารย์ถามเรื่องของการรวมความเค้นเฉือนตามแนวแกนที่มากระทำและให้นักศึกษาแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม
12. อาจารย์อธิบายที่มาของสูตร
13. อาจารย์อธิบายหลักการคำนวณหาค่าความเค้นรวมในแนวแกนตัดพร้อมทั้งอธิบายตัวอย่างประกอบ
14. อาจารย์ให้นักศึกษาออกมาทำโจทย์หน้าชั้นเรียน
15. อาจารย์เฉลยโจทย์หน้าชั้นเรียน

ขั้นสรุปและการประยุกต์
16. อาจารย์และนักศึกษาร่วมกันสรุปบทเรียน เปิดโอกาสให้นักศึกษาซักถามถ้ามีข้อสงสัยในเรื่องใด
17. นักศึกษาทำแบบประเมินผลการเรียนรู้หน่วยที่ 11

Äสื่อการเรียนการสอน
หนังสือเรียนวิชา ความแข็งแรงของวัสดุ (3100-0107) ของสำนักพิมพ์เอมพันธ์

Äการวัดและการประเมินผล
วิธีวัดผล
1. สังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล
2. ตรวจแบบประเมินผลการเรียนรู้หน่วยที่ 11
3. การสังเกตและประเมินผลพฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์

เครื่องมือวัดผล
1. แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล (ภาคผนวก ข)
2. แบบประเมินผลการเรียนรู้หน่วยที่ 11
3. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยอาจารย์และนักศึกษาร่วมกันประเมิน (ภาคผนวก จ)

เกณฑ์การประเมินผล
1. แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล เกณฑ์ผ่าน ต้องไม่มีช่องปรับปรุง
2. แบบประเมินผลการเรียนรู้หน่วยที่ 11 ทำถูกต้อง 50% ขึ้นไป
3. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนขึ้นอยู่กับการประเมินตามสภาพจริง

Äบันทึกหลังการสอน
(ภาคผนวก ฌ และ ญ)
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 17
รหัสวิชา 3100-0107 วิชา ความแข็งแรงของวัสดุ
หน่วยที่ 12 ชั่วโมงที่ 49-51 ชื่อหน่วย การโก่งตัวของคาน
(Deflection of Beam)

Äแนวคิด
คานหรือชิ้นส่วนเครื่องจักรกลที่ทำหน้าที่รับโมเมนต์ดัดและแรงเฉือน เนื่องจากแรงกระทำในการออกแบบเมื่อพิจารณาความเค้นดัดและความเค้นเฉือนแล้ว จะต้องพิจารณาการแอ่นตัว หรือการโก่งตัวของคานด้วย เพราะถ้าหากมีการแอ่นตัวมาก จะทำให้ชิ้นส่วนเครื่องจักรกลไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น เครื่องกลึง เครื่องกัด และเครื่องเจียระไน เป็นต้น

Äสาระการเรียนรู้
1. วิธีคำนวณหาระยะโก่งตัวของคาน
2. วิธี Moment-area
3. วิธี Superposition

Äผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง
1. บอกวิธีคำนวณหาระยะโก่งตัวของคานได้
2. คำนวณหาความลาดชันและระยะโก่งตัวของคาน โดยวิธี Moment-area ได้
3. คำนวณหาความลาดชันและระยะโก่งตัวของคาน โดยวิธี Superposition ได้
4. มีการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่อาจารย์สามารถสังเกตเห็นได้ ในด้านความมีมนุษยสัมพันธ์ ความมีวินัย ความรับผิดชอบ ความเชื่อมั่นในตนเอง ความสนใจใฝ่รู้ ความรักสามัคคี ความกตัญญูกตเวที

Äกิจกรรมการเรียนการสอน
ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน
1. อาจารย์สนทนาและบอกความสำคัญของโมเมนต์ดัดและแรงเฉือนที่มากระทำในการออกแบบ

ขั้นสอน
2. อาจารย์อธิบายหน้าที่ของโมเมนต์ดัดและแรงเฉือนที่มากระทำ
3. นักศึกษาทำการวิเคราะห์การแอ่นตัวของคานที่นำมารับแรง
4. ให้นักศึกษาตอบคำถามที่อาจารย์ถามเรื่องของการแอ่นตัวของคานและให้นักศึกษาแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม
5. อาจารย์อธิบายที่มาของสูตร
6. อาจารย์อธิบายหลักการคำนวณหาค่าความลาดชันและระยะโก่งตัวของคานพร้อมทั้งยกตัวอย่างประกอบ
7. อาจารย์ให้นักศึกษาออกมาทำโจทย์หน้าชั้นเรียน
8. อาจารย์เฉลยโจทย์หน้าชั้นเรียน

ขั้นสรุปและการประยุกต์
9. อาจารย์และนักศึกษาร่วมกันสรุปบทเรียน เปิดโอกาสให้นักศึกษาซักถามถ้ามีข้อสงสัยในเรื่องใด
10. นักศึกษาทำแบบประเมินผลการเรียนรู้หน่วยที่ 12

Äสื่อการเรียนการสอน
หนังสือเรียนวิชา ความแข็งแรงของวัสดุ (3100-0107) ของสำนักพิมพ์เอมพันธ์

Äการวัดและการประเมินผล
วิธีวัดผล
1. สังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล
2. ตรวจแบบประเมินผลการเรียนรู้หน่วยที่ 12
3. การสังเกตและประเมินผลพฤติกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์

เครื่องมือวัดผล
1. แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล (ภาคผนวก ข)
2. แบบประเมินผลการเรียนรู้หน่วยที่ 12
3. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ โดยอาจารย์และนักศึกษาร่วมกันประเมิน (ภาคผนวก จ)

เกณฑ์การประเมินผล
1. แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล เกณฑ์ผ่าน ต้องไม่มีช่องปรับปรุง
2. แบบประเมินผลการเรียนรู้หน่วยที่ 12 ทำถูกต้อง 50% ขึ้นไป
3. แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ คะแนนขึ้นอยู่กับการประเมินตามสภาพจริง

Äบันทึกหลังการสอน
(ภาคผนวก ฌ และ ญ)



แบบประเมินด้วยแฟ้มสะสมผลงาน (Portfolio)

ประเมินจากผลงานที่ผู้เรียนจัดทำและนำมาจัดเก็บไว้ในแฟ้ม แฟ้มนั้นจะประกอบด้วย
1. ปก
2. คำนำ
3. ข้อมูลส่วนตัว
4. สารบัญ
5. จุดประสงค์
6. เกณฑ์การประเมินงาน
7. งานทั้งหมด
8. แบบทดสอบต่างๆ
9. งานที่มอบหมาย/ใบงาน
10. การประเมินตนเอง/เพื่อน/ผู้สอน/ผู้ปกครอง
11. ความคิดเห็นต่อวิชา

ตัวอย่างข้อมูลส่วนตัว
1. ชื่อ……………………………………………………………………………………………………….
2. เกิดวันที่…………………………เดือน………………………………พ.ศ. …………………………
3. ชื่อบิดา…………………………………………ชื่อมารดา…………………………………………….
พี่……………………………………………คน น้อง…………………………...……………คน
4. ที่อยู่……………………………………………………………………………………………………..
5. วิชาที่ชอบ……………………………………………………………………………………………….
6. กิจกรรมที่ชอบ………………………………………………………………………………………….
7. สิ่งที่ประทับใจในการเรียน……………………………………………………………………………..
8. รางวัลที่เคยได้รับ………………………………………………………………………………………
9. ความสามารถพิเศษ……………………………………………………………………………………
10. อุดมคติของการทำงาน…………………………………………………………………………………
11. ผลงานที่สะสม…………………………………………………………………………………………

หมายเหตุ สะสมงานได้ทุกหน่วย ผู้เรียนนำผลงานที่พอใจใส่แฟ้มสะสมไว้
แบบสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานรายบุคคล

ที่

พฤติกรรม


ชื่อ-สกุล
ความสนใจ
การแสดง
ความคิดเห็น
การตอบ
คำถาม
การยอมรับ
ฟังคนอื่น
ทำงาน
ตามที่ได้รับมอบหมาย
หมายเหตุ

เกณฑ์การวัดผล ให้คะแนนระดับคุณภาพของแต่ละพฤติกรรมดังนี้

ดีมาก = 4 สนใจฟัง ไม่หลับ ไม่พูดคุยในชั้น มีคำถามที่ดี ตอบคำถามถูกต้อง ทำงานส่งครบตรงเวลา
ดี = 3 การแสดงออกอยู่ในเกณฑ์ประมาณ 70%
ปานกลาง = 2 การแสดงออกอยู่ในเกณฑ์ประมาณ 50%
ปรับปรุง = 1 เข้าชั้นเรียน แต่การแสดงออกน้อยมาก ส่งงานไม่ครบ ไม่ตรงเวลา


ลงชื่อ……………………………….ผู้สังเกต
(……………………………….)
…………/…………/………..
แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม

กลุ่มที่…………..ชั้น/แผนก………………

ลำดับ
ที่
ชื่อ-สกุล
สมาชิกกลุ่ม
พฤติกรรม
รวม
ความร่วมมือ
การแสดงความคิดเห็น
การรับฟังความคิดเห็น
ความตั้งใจในการทำงาน
การมีส่วนร่วมในการอภิปราย

เกณฑ์การให้คะแนน
ดีมาก = 4 ประสิทธิภาพอยู่ในเกณฑ์ 90-100% หรือปฏิบัติบ่อยครั้ง
ดี = 3 ประสิทธิภาพอยู่ในเกณฑ์ 70-89% หรือปฏิบัติบางครั้ง
ปานกลาง = 2 ประสิทธิภาพอยู่ในเกณฑ์ 50-69% หรือปฏิบัติครั้งเดียว
ปรับปรุง = 1 ประสิทธิภาพต่ำกว่าเกณฑ์ 50% หรือไม่ปฏิบัติเลย

ลงชื่อ………………………………ผู้สังเกต
(…………………………….)
………./……………/………
แบบประเมินการนำเสนอผลงานรายบุคคล

พฤติกรรม


ชื่อ-สกุล
บุคลิก
การแต่งกาย
มารยาทในการพูด
การใช้
ภาษา
วิธีการ นำเสนอ
เนื้อหาที่
นำเสนอ
รวม
ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม
………………………………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………………………………….
………………………………………………………………………………………………………………………….

เกณฑ์ผ่าน 25 คะแนน

เกณฑ์การสังเกต
บุคลิก การแต่งกาย : มีความเชื่อมั่นในตนเอง แต่งกายสะอาด ถูกระเบียบ เสื้อไม่หลุดลุ่ย ลอยชาย
มารยาทในการพูด : มองหน้าและสบตาผู้ฟัง ไม่เหน็บแนม เสียดสีผู้อื่น
การใช้ภาษา : ชัดเจน ตามหลักภาษา ตัว ร ล คำควบกล้ำ ถ้อยคำข้อความสุภาพ
วิธีการนำเสนอ : น่าสนใจหลากหลาย เช่น ใช้แผ่นใส รูปภาพ ตั้งคำถาม เล่นเกม ไม่เยิ่นเย้อ
เนื้อหาที่นำเสนอ : มีสาระสำคัญ ตรงกับหัวข้อเรื่อง ใช้เวลาตามที่กำหนด

ลงชื่อ……………………………….ผู้สังเกต
(……………………………….)
…………/…………/………..
แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมและคุณลักษณะอันพึงประสงค์

ชื่อผู้ประเมิน/กลุ่มประเมิน…………………………………………………………………………………………..
ชื่อกลุ่มรับการประเมิน………………………………………………………………………………………………
ประเมินผลครั้งที่…………………....…….. วันที่ ……………..…. เดือน ………..………. พ.ศ. ……...….…...
เรื่อง…………………………………………………………………………………………………………………….

ที่
คุณลักษณะ/พฤติกรรมบ่งชี้
ระดับพฤติกรรม
คะแนนที่ได้
ใช้ได้
= 1
ควรปรับปรุง
= 0
1.ความมีมนุษยสัมพันธ์
แสดงกิริยาท่าทางสุภาพต่อผู้อื่น
ให้ความร่วมมือกับผู้อื่น
2.ความมีวินัย
ปฏิบัติตามกฎระเบียบ ข้อบังคับ และข้อตกลงต่างๆ ของวิทยาลัย ได้แก่ แต่งกายถูกต้องตามระเบียบ และข้อบังคับ ตรงต่อเวลา
3.ความรับผิดชอบ
มีการเตรียมความพร้อมในการเรียนและการปฏิบัติงาน
ปฏิบัติงานด้วยความตั้งใจ
มีความเพียรพยายามในการเรียนและการปฏิบัติงาน
4.ความเชื่อมั่นในตนเอง
กล้าแสดงความคิดเห็นอย่างมีเหตุผล
5.ความสนใจใฝ่รู้
ซักถามปัญหาข้อสงสัย
6.ความรักสามัคคี
ร่วมมือในการทำงาน
7.ความกตัญญูกตเวที
มีสัมมาคารวะต่อครู-อาจารย์อย่างสม่ำเสมอ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง

รวมคะแนนที่ได้ทั้งหมด = …………… คะแนน
หมายเหตุ : แบบประเมินนี้ใช้แบบเดียวกันทั้งผู้สอนและประธานกลุ่ม และประเมินคุณลักษณะดังกล่าวตลอดภาคการศึกษา
แบบรวมคะแนนการประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม
และคุณลักษณะอันพึงประสงค์

ชื่อ-สกุล…………………………………………………………....รหัสประจำตัว…………………………………
ระดับชั้น………………..กลุ่ม………………...แผนกวิชา…………………….……………………………………

คุณลักษณะอันพึงประสงค์
ครั้งที่ประเมิน
คะแนนรวม
หารจำนวนครั้งที่ประเมิน
คะแนนที่ได้
คะแนนที่ได้
1. ความมีมนุษยสัมพันธ์
2. ความมีวินัย
3. ความรับผิดชอบ
4. ความเชื่อมั่นในตนเอง
5. ความสนใจใฝ่รู้
6. ความรักสามัคคี
7. ความกตัญญูกตเวที

ลงชื่อ…………………………….ผู้ประเมิน
(…………………………….)
.………/…………/……….

หมายเหตุ : แบบรวมคะแนนนี้ใช้แบบเดียวกันทั้งผู้สอนและประธานกลุ่ม
แบบสรุปผลการประเมินคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมและคุณลักษณะอันพึงประสงค์

รหัสวิชา……………………………………..
ชื่อวิชา………………………………………
ระดับชั้น……………………………………
แผนก/กลุ่ม…………………………….….
ความมีมนุษยสัมพันธ์
ความมีวินัย
ความรับผิดชอบ
ความเชื่อมั่นในตนเอง
ความสนใจใฝ่รู้
ความรักสามัคคี
ความกตัญญูกตเวที
รวม (ในส่วนของผู้สอน)
รวม (ในส่วนของประธานกลุ่ม)
รวมคะแนนที่ได้จากทั้ง 2 ส่วน
ลำดับที่
รหัส
ประจำตัว
ชื่อ-สกุล
บันทึกหลังการสอน

ผลการใช้แผนการจัดการเรียนรู้
…………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
ผลการเรียนของผู้เรียน
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
ผลการสอนของผู้สอน
…………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………

ลงชื่อ……………………………….ผู้บันทึก
(……………………………….)
…………/…………/………..

หมายเหตุ : บันทึกนี้ใช้บันทึกทุกแผนการจัดการเรียนรู้
บันทึกหลังการสอน
ชื่อผู้สอน…………..……………………….……………….………
รหัส 3100-0107 วิชา ความแข็งแรงของวัสดุ
ภาคเรียนที่…………………………….. ปีการศึกษา………………………………

ห้องเรียน
วัน/เดือน/ปี
เวลา
บันทึกความคิดเห็น
หมายเหตุ : บันทึกนี้ใช้บันทึกท้ายสุดของทุกแผนการจัดการเรียนรู้

เขียนแบบเรือด้วยโปรแกรมautocad

แก้ไข

งานโครงสร้างตัวเรือ ๓๑๑๗-๒๑๒๔

แก้ไข ล่าสุด